เ มื อ ง ค อ ง หมู่บ้านแห่งความสุข ณ หุบเขาเชียงดาว

เมืองคอง  ฉันรู้จักชื่อนี้มานานหลายปี จากการเดินทางไปเที่ยวบ้านระเบียงดาวเพราะต้องโดยสารรถเชียงดาว-เมืองคองเพื่อมาเที่ยว ตอนนั้นคิดว่า เมืองคองคงอยู่ไกลมากเพราะต้องนั่งรถต่อไปอีกจนสุดสาย ได้ยินชาวบ้านเมืองคองที่นั่งรถมาด้วยกัน บอกว่าต้องข้ามเขาไปอีกประมาณ 1 ชม แต่เมืองคองสวย ไว้ลองมาเที่ยวสิ มีหมอกเหมือนกันน่ะ ตอนนั้นฉันได้แค่ยิ้มเบาๆคิดในใจว่าคงไม่ไปตอนนี้แน่ ขนาดนั่งรถมาบ้านระเบียงดาวยังโค้งไปหลายรอบแล้วถ้าไปถึงเมืองคองจะขนาดไหน อีกอย่างเมืองคองตอนนั้นยังไม่ได้โปรโมทเป็นที่เที่ยวด้วย ยังไม่เคยเห็นภาพสวยๆของเมืองคองซักที  ไม่รู้ไปแล้วจะมีอะไรบ้างทำให้ยังไม่มีแรงจูงใจอยากไปเท่าใดนัก  และแล้วฉันก็ลืมชื่อเมืองคองไป จนเวลาผ่านพ้นไป  ชื่อเมืองคองพร้อมภาพกระท่อมโฮมสเตย์ริมทุ่งนา บรรยากาศบ้านๆ ก็ปรากฎขึ้น เห็นแล้วมันใช่เลย สายรักธรรมชาติอย่างฉันจะพลาดได้ยังไง  ไปเถอะ ไปเมืองคองกัน

1-%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-3

เมืองคอง  ชุมชนเล็กๆ ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว ซึ่งอยู่ด้านหลังของดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางเดียวกับบ้านนาเลาใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านระเบียงดาว แต่จะขึ้นลงเขา ต่อไปอีกประมาณ 24 กม.  หากมาเที่ยวแถวบ้านนาเลาใหม่สามารถไปเที่ยวเมืองคองต่อได้ เมื่อก้าวเข้าสู่เมืองคองความรู้สึกแรก คือ เป็นชุมชนที่ยังคงมีความเป็นพื้นบ้าน  อากาศบริสุทธิ์ และเงียบสงบมาก ชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาป่าไม้ ส่งผลทำให้ เมืองคอง อุดมไปด้วย ปลา ผักป่า และสมุนไพรนานาชนิด ภายในชุมชนสามารถพึ่งตัวเองได้จากทรัพยากรที่มีอยู่ มีลำน้ำสายเล็ก ๆ ชื่อว่า แม่น้ำคอง  ไหลผ่านทั่วหมู่บ้าน  หากมาเที่ยวในช่วงฤดูทำนาก็จะได้พบกับความเขียวขจีของนาข้าวตลอดสองข้างถนน
2
3

6
7

ด้วยความเป็นชุมชนที่มีขนาดเล็ก ชาวบ้านจึงอยู่อาศัยร่วมกันอย่างสงบสุข ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงเมืองคอง เราจะสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร  ซึ่งทุกครัวเรือนรู้จักกันเกือบทั้งหมด แม้กระทั่งที่พักโฮมสเตย์ต่างๆ ก็ทำบ้านพักแบบช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน  แต่ละบ้านก็จะมีการจักสานตะกร้าไม้ไผ่ หน้าบ้านก็จะมีตระกร้าวางอยู่  โดยจะมีรถมารับไปส่งขายยังที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรายได้เสริมในครัวเรือน

10
11-dsc_4704
11
12

ถึงแม้ว่าหมู่บ้านจะตั้งอยู่ห่างไกล ซึ่งเรียกได้ว่า อยู่หลังเขา แต่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรอำนวยความสะดวก ตรงกันข้ามเมืองเล็กๆที่ต้องข้ามเขาผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมาไม่รู้กี่โค้งนั้น กลับมีร้านค้ามินิมาร์ท  มีร้านอาหารเล็กๆ ให้บริการอยู่ทั่วหมู่บ้าน ถนนหนทางในหมู่บ้านเทคอนกรีต สะดวกสบาย

8
9

มาเมืองคอง  มาทำอะไร ตอบ  มาพักผ่อน นอนโฮมสเตย์ มองวิวทุ่งนา อยู่กับธรรมชาติ ใช้ชีวิตเรื่อยๆเนิบ เพราะในเมืองคอง ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดแวะอะไร นอกจากวิว อากาศบริสุทธิ์ และธรรมชาติสวยๆที่อยู่รายล้อม  ซึ่งสามารถสัมผัสความรู้สึกนั้นได้โดยการเลือกพักผ่อนยังที่พักต่างๆซึ่งในเมืองคองมีอยู่ประมาณ  5 แห่ง  เรามาถึงเมืองคองประมาณ 8 โมงเช้า จะถึงเร็วซักหน่อย เพราะเหมารถสองแถวคิวเชียงดาว เมืองคอง จากตัวเมืองเชียงดาวขึ้นมาตั้งแต่หกโมงกว่า  โดยให้รถมาส่งยังที่พัก  คือ  บ้านภูตะวัน ตั้งอยู่กลางชุมชน ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำคอง   บ้านภูตะวัน  เป็นบ้านพักที่สร้างออกแนวสมัยใหม่ซักหน่อย มีทั้งหมด 5 หลัง  ภายในบ้านพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งแอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่นในราคาหลังละ 500 บาท เท่านั้น

13
13-dew_2945
14-dew_2969
15dew_2957

ด้านหน้าบ้านมีระเบียงชมวิวยื่นออกไป สามารถมองเห็นวิวของทุ่งนาของเมืองคองได้ในมุมสูงแบบกว้างไกล คือ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากวิวสวยสุดๆ

16-dew_2983


4

มุมเก้าอี้นั่งพักผ่อน  นั่งมองวิวทุ่งนาและสายหมอกฝนที่ลอยมาเป็นระยะ มีความสดชื่นมาก จากบ้านพักมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำคองอยู่ไม่ไกล

17-dew_2944
18-dew_2973
21-dsc_4942

บ้านภูตะวัน มีร้านอาหารและเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ให้บริการ ทานข้าว จิบกาแฟ มองวิวที่อยู่ตรงหน้า  ซึ่งหากไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถมานั่งสั่งอาหาร จิบกาแฟชมวิวได้ เจ้าของใจดีมาก คอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง  ให้เรายืมมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวรอบตัวเมืองคองด้วย

19-dew_2977
20-dew_2976
21-dsc_4961
22-dsc_4970
23-dsc_4974

นั่งเล่น ชมวิว ที่บ้านพักจนหายเพลียจากการเดินทาง  ขับมอเตอร์ไซต์เพื่อไปยังบ้านพักอีกแห่งของเมืองคอง ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นต้นกำเนิดของการพักโฮมสเตย์ จนทำให้เมืองคองกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น  เมืองคองโฮมสเตย์  หรือ ที่เรียกติดปากกันว่า อ้ายด่อง โฮมสเตย์  ซึ่งตั้งอยู่อีกโซนหนึ่ง  จะห่างจากใจกลางชุมชนออกไปนิดนึง  ประมาณ 4 กิโลเมตร จากสะพานแม่น้ำคอง

25-dew_3000
dew_3141
26-dew_3051

เมืองคองโฮมสเตย์ เป็นบ้านพักสไตล์บ้านทุ่ง  ติดริมนาข้าว ได้ใจคนที่ชื่นชอบที่พักแนวนี้ไปเต็มๆ เพราะมีความเป็นธรรมชาติและเรียบง่ายมาก อุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้งานยังคงมีความเป็นพื้นถิ่นมาก  เหมือนได้กลับมาใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย แต่มีความสุขกับบรรยากาศนี้ได้ไม่ยาก เป็นความรู้สึกโปร่ง โล่งสบาย แบบบอกไม่ถูก

27-dew_3139
27dew_3027

อ้ายด่อง ผู้บุกเบิก โฮมสเตย์แห่งนี้  รอยยิ้มแห่งความจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตั้งแต่เราเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านและบอกว่าขอเข้าไปชมบ้านหน่อยได้มั้ยค่ะ พอดีไม่ได้พัก แต่ตั้งใจอยากมาทานอาหารกลางวันที่นี่  อ้ายด่องตอบว่า อาหารกลางวัน ทานที่นี่ได้ เดี๋ยวจะสั่งกับกลุ่มแม่บ้านชุมชนมาให้นั่งทานหน้าบ้าน   แล้วเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งพัก  และถามว่าทานกาแฟมั้ย เดี๋ยวผมต้มน้ำให้  ว่าแล้วก็รีบก่อฟืน ต้มน้ำให้ โอ้  น่ารักและใจดีมากๆ ค่ะ  สำหรับเรา นอกจากบรรยากาศ ความเป็นมิตร  ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างดีของอ้ายด่องนี่แหละค่ะ  ที่ทำให้ เมืองคอง โฮมสเตย์  เป็นโฮมสเตย์ ที่ใครต่อหลายคนมาแล้วจะประทับใจกลับไปมากมาย

dsc_4629
dsc_4638
29dew_3053
30-dsc_4657

มีบ้านพัก 3 หลัง ซึ่งสร้างแบบกระท่อมไม่ไผ่  บ้านพักไม่มีห้องน้ำในตัวเป็นแบบห้องน้ำรวม ราคาบ้านพักราคาเดียวคือ  คนละ 250 บาท (ไม่รวมอาหาร)  บ้านพักหลังแรก อยู่บริเวณหน้าทางเข้า พักได้ประมาณ 2-4 คน

30-dew_3132
31-dsc_4709

บ้านพักหลังต่อไป ต้องเรียกว่าหลังไฮไลท์ เพราะวิวดี มีแปลหน้าบ้านมองวิวนาข้าว ชิวสุดๆ  หลังนี้พักได้ประมาณ 5 ท่าน ภายในบ้านมีที่นอน มุ้ง พัดลมให้  เราถามอ้ายด่องว่าถ้ามาคนเดียวจะจัดยังไง  แกตอบว่า ก็ให้พักคนเดียวไปเลย ถ้าจองมาก่อน  บ้านพักกลุ่มใครก็กลุ่มนั้น เพราะบ้านพักเน้นความเป็นส่วนตัว

32-dew_3101
33-dew_3119
34-dew_3069
35-dsc_4643

ส่วนหลังนี้จะหลังใหญ่ซักหน่อยพักได้หลายคน เหมาะสำหรับมาเป็นหมู่คณะ  หน้าบ้านก็มีแปลเช่นกัน

36-dew_3038
dsc_4681

ระหว่างรอเวลาอาหารมาส่งอาหารเวลาเที่ยง  ยังมีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมง  นั่งเล่น นอนเล่น จนเผลอหลับไปหน้าบ้านแบบไม่รู้ตัว ก็ลมมันเย็นนี่เนอะ ไม่ได้พักบ้านเค้า ยังมานอนหลับบ้านเค้าอีก  มันฮาตรงนี้  อ้ายด่อง บอกว่าตามสบายเลยครับ  เราเลยตามสบายสุดๆ

dew_3043
dew_3113
dew_3152

ตื่นอีกที คือ อาหารมื้อเที่ยงมาส่ง  มีอาหารประมาณ 4 อย่าง คือ  น้ำพริกอ่อง  แคบหมู ข้าวเหนียว ต้มจืด ตำถั่วใส่ปลาร้า  ค่าอาหารคนละ 150 บาท รสชาติอาหารนั้นบอกเลยว่าอร่อยมากทุกอย่าง โดยเฉพาะตำถั่วฝักยาว  คือ ดีงามมาก มีความอยากเบิ้ลอีกจาน  อ้ายด่องบอกว่าถ้าอยากทานอีก ไปทานที่บ้านน้องได้เลย  บ้านน้องทำโฮมสเตย์เหมือนกัน ออกจากบ้านอ้ายด่องแล้ว ลองแวะไปได้ อยู่ตรงสะพานริมแม่น้ำคอง  โอ้ เราเลยนึกออกบ้านหลังนั้นเอง ที่สะดุดตามเราเมื่อเช้า  เลยบอกน้องเจ้าของไปว่าตอนเย็นจะแวะไปชมบ้านพักและทานอาหารแน่นอน

dsc_4675

อิ่มท้องก็เดินไปชมนาข้าวบริเวณหน้าบ้านตามคำแนะนำของอ้ายด่อง ว่าลองเดินไปดู ตรงกระท่อมวิวสวยน่ะ เราเดินผ่านคันนาไปเรื่อยๆ มาเจอกระท่อมกลางนา  นั่งพักมองวิว ซักครู่ คือ ตรงนี้ลมเย็นมาก เย็นจนอยากจะหลับอีกรอบเลยทีเดียว  จากกระท่อมมองไปก็เห็นเป็นวิวนาข้าวขั้นบันได

39-dew_3123
40-dew_3107
41-dsc_4693
42-dsc_4692

บ่ายสองโมงกว่า เราล่ำลาอ้ายด่องกลับมาพักที่บ้านพักของเราเองบ้าง บ้านภูตะวัน นอนหลับไปอีกรอบ ชีวิตในเมืองคองนั้นแสนจะชิลและสบายมาก  มีแค่กินและนอน เรียกว่า ได้พักผ่อนจริงๆ  หลับเพื่อรอเวลาเย็นไปทานอาหารยังโฮมสเตย์อีกแห่งตามนัดหมาย  ชื่อว่า บ้านวังริมคอง   เจ้าของบ้าน คือ กลุ่มแม่บ้าน ที่ทำอาหารมาส่งเราเมื่อตอนเที่ยง  โฮมสเตย์ แห่งนี้ตั้งอยู่ตรงสะพานแม่น้ำคอง ติดริมน้ำ ด้านหลังคือ วิวนาข้าวและภูเขา   คือ โลเคชั่นดีมาก อยู่ใกล้ถนนและแปลงนาข้าว คือ หากใครไม่มีรถส่วนตัวพักที่นี่สะดวกมาก บ้านพักตอนนี้มีแค่ 2 หลัง  โดยคิดราคา คนละ 350 บาท ไม่รวมอาหาร หน้าบ้านมีสะพานไม่ไผ่ข้ามแม่น้ำไปยังที่พัก  มันมีความเก๋ตรงนี้

43-dew_3163
44-dsc_4752dsc_7113

บรรยากาศรอบบ้านตกแต่งได้น่ารักมาก ปลูกดอกไม้สีสันสดใสไว้หลายจุด  บ้านหลังแรกเป็นบ้านหลังใหญ่ น่าจะพักได้ถึง 10 คนเลยทีเดียว

46dew_3164
47-dsc_4726
48-dew_3194

บ้านพักหลังที่ 2 พักได้ 2 ท่าน ภายในห้องมีหน้าต่างแบบ 3 ด้าน ทั้งตรงหัวนอน และข้างที่นอน เปิดชมวิวได้รอบบ้าน ซึ่งก็เป็นวิวนาข้าวนั่นเอง   คือ เห็นบ้านครั้งแรก มีความกรี๊ด ชอบมาก  บอกน้องว่า ถ้ามาอีกรอบ จะมาพักหลังนี้แน่นอน

49-dsc_4798
50dsc_4716
51-dsc_4780
52-dew_3169
dsc_4731

อีกมุมหนึ่งของบ้านพัก ทำเป็นร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ติดริมถนน มีสะพานไม้เชื่อมจากถนนไปยังร้านกาแฟ


dew_4934 1-dew_4938
dew_4953
อาหารมื้อเย็น มาวางไว้ตรงหน้าบ้าน  เราก็นั่งทานกันตรงนี้  มียำหัวปลี ผัดเครื่องในใส่ถั่ว  ต้มจืด เห็ดชุบแป้งทอด และน้องบอกว่าเห็นว่าพี่ชอบตำถั่วเลยแถมมาให้  โอ้ย ดีงามมากอีกแล้ว  สำหรับอาหารคิดราคาเดิม คือ หัวละ 150 บาท ส่วนรสชาตินั้น ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะเป็นอาหารที่ดูง่ายๆ แต่อร่อยมาก

dsc_4819

อิ่มกับอาหารมื้อเย็น กลับบ้านภูตะวัน นอกพักผ่อน เพื่อตื่นมาสัมผัสบรรยากาศของเมืองคอง ที่ในฤดูฝนนั้น จะเต็มไปด้วยสายหมอก เราไปยังบ้านอ้ายด่องอีกรอบ  เช้านี้มีหมอกลอยคลอเคลียบริเวณภูเขาหน้าบ้าน

55-dsc_4829
56-dsc_4833 57-dsc_4843

ระหว่างที่นั่งรถ ก็เห็นวิวสายหมอกแบบนี้ตลอด สดชื่นดีจริงๆ

58-dsc_4851
59-dsc_4859
60-dsc_4870

ถนนสายเล็กๆ ที่ทอดยาวกลางหมู่บ้าน  ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมา

61dsc_4882
62-dsc_4891
63-dsc_4869
64-dsc_4883

สะพานมิตรภาพแม่น้ำคองในยามเช้า จะได้เห็นสายหมอกลอยมาแบบนี้ ด้านหลังสะพานเป็นที่ตั้งของบ้านวังริมคอง

64-dsc_4899

ปิดท้ายด้วยการลงไปเดินเล่นที่บ้านวังริมคอง  เช้าๆ แบบนี้หมอกลอยมาเยอะมาก

65-dsc_4894
66-dsc_4931
เมืองคอง  เชียงดาว  ได้ความรู้สึกแบบพักผ่อน  ได้ใช้ชีวิตแบบเนิบๆ ปกติเราเป็นภูมิแพ้อากาศ  จะมีอาการจาม และน้ำมูกไหลตลอด  ถึงแม้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในไทยที่เค้าว่าอากาศดีนักหนา ก็ยังมีอาการบ้าง  แต่มาเมืองคอง  แปลกมากไม่มีอาการ  ภูมิแพ้หายสนิท  เลยทำให้รู้ว่า อากาศที่นี่บริสุทธิ์และดีมาก  ทำเอาอยากย้ายมาอยู่แบบถาวร  เมืองคอง มาเถอะ แล้วจะชอบ

รายละเอียดเพิ่มเติม
บ้านภูตะวัน  ราคาหลังละ 500 บาท พักได้ 2 ท่าน โทร 089 953 3199
เมืองคองโฮมสเตย์ ราคาคนละ 250 บาท   โทร  086 480 8024  086 420 8023  เฟสบุค https://www.facebook.com/anan.mula
บ้านวังริมคอง  ราคาคนละ 350 บาท(ไม่รวมอาหาร) และราคาคนละ 600 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ  โทร 084 790 5303
บ้านไม้เมืองคอง โทร  081 724 1541  เฟสบุค คลิ๊ก บ้านไม้เมืองคอง 

การเดินทางไปเมืองคอง
รถส่วนตัว
ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปบ้านนาเลาใหม่ บ้านระเบียงดาว  จากอำเภอเชียงดาวต้องขับรถต่อไปทางบ้านนาเลา มุ่งหน้าไปทางถ้ำเชียงดาว ก่อนถึงถ้ำจะมีทางแยกไปบ้านนาเลา ให้ใช้เส้นทางเดียวกัน ไปจนถึงบ้านระเบียงดาว จากนั้นขับรถต่อไปอีกประมาณ  24 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางในถนนสายนี้ ค่อนข้างชันและแคบในบางช่วง ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ

โดยรถสาธารณะ
จากกรุงเทพใช้บริการรถทัวร์  สายกรุงเทพ-ท่าตอน มาลงอำเภอเชียงดาว มีให้บริการ 2 บริษัท  คือ บ ข ส และนิววิริยะทัวร์ แนะนำบริษัท บ ข ส เพราะจะถึงพอดีกับเวลา ไม่เช้าจนเกินไป  บ. ริวิริยะ จะถึงเชียงดาวประมาณ ตี 3  บริษัท บ ข ส รถออกเวลา 19. 20 น.  มาถึงเชียงดาวประมาณ 7 โมงเช้า  ให้บอกพนักงานบนรถว่าลงตลาดสดเชียงดาว  รถจะถึงประมาณ 7 โมงเช้า จากนั้นใช้บริการ รถสองแถวสายเชียงดาว-เมืองคอง เป็นรถสายเดียวกับที่ผ่านบ้านระเบียงดาว   รถจะมี  2 รอบ คือ ประมาณ 8 โมง เช้า อีกรอบคือ 10 โมง  คือ ต้องไปถึงก่อนเที่ยง ไม่งั้นไม่มีรถไป นอกจากเหมาให้มารับ คิวรถจะอยู่ตรงสามแยกเลยตลาดเชียงดาวมานิดนึง  สามารถโทรแจ้งให้คนขับแวะรับได้ ที่เบอร์โทร  081 029 4622 ราคาคนละ 100 บาท  สำหรับราคาเหมาจะอยู่ที่เที่ยวละ  800 บาท
หากมาจากตัวเมืองเชียงใหม่  ต้องออกจากตัวเมืองแต่เช้าเพื่อให้ทันรอบรถที่ออก คือ ต้องมาก่อนเที่ยง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เชียงแสน : 1 วัน ก็เที่ยวได้

ชวนไปชิม 6 ร้านอาหาร “เชฟกระทะเหล็ก” ประเทศไทย

โบสถ์คริสต์สวยทั่วไทย